14 ก.ค. 2556 เวลา 22:51 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
ฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพ
ฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพ เอกสารแจกฟรีลำดับที่ ๑,๑๐๙
จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
ฮอร์โมนไข่ รู้จักกันแพร่หลายในกลุ่มเกษตรกรโดยอาจารย์สุวัฒน์ ทรัพยะประภา วิทยาศาสตร์บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัยมหิดล ฉายานักวิจัยเท้าเปล่าที่เกษตรกรขนานนามให้ แรกๆนำมาเผยแพร่นั้นผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับพืชได้ผลดีมาก ต่อมาอาจารย์พัฒน์ สันทัด วิทยากรด้านการเกษตรได้นำไปสอนชาวบ้านที่จังหวัดเชียงรายเมื่อปี ๒๕๔๘ มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อ นายสมเดช กองเป็ง ทดลองนำไปเลี้ยงเป็ด ปรากฏว่าเป็ดแข็งแรง ไข่ดก นายสมเดช จึงลองกินเอง ปรากฏว่าโรคที่เคยเจ็บป่วยออดๆแอดๆปวดๆเมื่อยๆหายไป ร่างกายแข็งแรง ทำงานไม่เหนื่อย
หลังจากนั้นจึงรายงานให้อาจารย์พัฒน์ สันทัดได้ทราบ อาจารย์พัฒน์จึงลองกินดูปรากฏว่า ร่างกายแข็งแรงไม่เพลีย โรคกระดูกต้นคอเสื่อมและปวดเมื่อยหายไปเป็นปลิดทิ้ง จึงนำเผยแพร่มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ โดยสูตรเดิมที่ใช้กับพืชใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนผสม ต่อมาเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลทรายแดง และน้ำผึ้งในที่สุด ( ฮอร์โมนนี้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ค่า PH
๔.๕ เชื้อโรคอยู่ไม่ได้ในสภาพความเป็นกรดเช่นนี้)
ระยะหลังทั้งอาจารย์สุวัฒน์ ทรัพยะประภา และอาจารย์พัฒน์ สันทัด ได้นำมาเผยแพร่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยในรายการทั่วทิศถิ่นไทยที่ผมดำเนินรายการ ออกอากาศเผยแพร่ทั่วประเทศ มีประชาชนสนใจนำไปทำและต่างตอบกลับมาว่าได้ผลดีต่อสุขภาพ แม้โรคที่คิดว่าจะรักษาไม่หายก็หายได้ จนเป็นที่ยอมรับของผู้ที่ได้ทดลองใช้อย่างกว้างขวาง
สารที่ได้จากการทำฮอร์โมนไข่ คือกรดฟุลวิก ซี่งประกอบด้วย หน่วยย่อยของชีวิตที่เล็กที่สุด เรียกว่า เซลล์ ประมาณ ๕๐ ล้านล้านเซลล์ แต่ละเซลล์ดำรงชีวิตอย่างอิสระ บางชนิดแยกอยู่ลำพังเซลล์เดียว บางชนิดรวมกันทำหน้าที่เฉพาะอย่าง เป็นอวัยวะต่างๆ ถ้าทุกเซลล์มีความแข็งแรง อวัยวะระบบต่างๆทุกส่วนก็จะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายก็จะสมบูรณ์แข็งแรงตามไปด้วย เซลล์ทุกเซลล์ ต้องการสารอาหารมากถึง ๙๐ ชนิด แบ่งเป็นแร่ธาตุ ๕๙ ชนิด วิตามิน ๑๖ ชนิด กรดอะมิโน ๑๒ ชนิดและกรดไขมันจำเป็นอีก ๓ ชนิด เพื่อสุขภาพดี
การกินอาหารครบ ๕ หมู่ แถมเสริมด้วยวิตามินแร่ธาตุ ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะได้รับสารอาหารเหล่านั้นครบถ้วน ถ้าเซลล์ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ กรดฟุลวิก ช่วยในการดูดซึมสารอาหารเหล่านั้น ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคและแก้ปัญหาสุขภาพได้ กรดฟุลวิก เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากการย่อยสลายของอินทรียวัตถุโดยจุลินทรีย์ แต่คุณค่าของมันเพิ่งจะได้มีการค้นพบและเป็นที่รู้จัก ว่าสามารถสร้างสมดุลเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์
ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับจากกรดฟุลวิก ชูกำลัง ทำงานไม่เหนื่อย ขจัดสารอนุมูลอิสระ และ ต้านออกซิเดชั่นคงความหนุ่มสาวผิวสวยเต่งตึง ดู อ่อนกว่าวัยลดภาวะเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง และ ข้อต่ออักเสบ ขจัดโลหะหนักและสารพิษออกจากร่างกาย นำแร่ธาตุสารอาหารเข้าสู่เซลล์ เพิ่มการเผาผลาญโปรตีน สู่การสังเคราะห์ DNA และ RNA
นอกจากนั้น เป็นอีเล็กโทรไลต์ ธรรมชาติ พลังสูงรักษาสมดุลระดับเกลือแร่ และ ความเป็นกรด-ด่าง รักษาสมดุลปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าภายในเซลล์ เพิ่มกิจกรรมระบบน้ำย่อยต่างๆ อาหารถูกย่อยได้หมดไม่ตกค้างเน่าเสีย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มซีดี ๔ในเอดส์ เพิ่มชีวประโยชน์ของสารอาหารและแร่ธาตุ
ประโยชน์จากการใช้ภายนอก บำรุงผิวให้นุ่มนวลชุ่มชื้น ป้องกันฝ้าแดด ใช้สระผมนวดหนังศีรษะ ป้องกันผมร่วง
รักษาบาดแผล รอยถลอกขีดข่วน ลดความเจ็บปวดและลบรอยแผลเป็นจากไฟไหม้ ลดรอยฟกช้ำดำเขียวจากการกระแทก กำจัดเชื้อโรคน้ำกัดเท้า เท้าเปื่อย ต้านเชื้อโรค และ กำจัดเชื้อราได้มากชนิด รักษาอาการแพ้ผื่นคันจากแมลงมีพิษสัตว์กัดต่อย ดับพิษของ Ivy และ Oak
อาจารย์สุวัฒน์ ทรัพยะประภา เคยเล่าให้ผมฟังว่า กรดฟุลวิก เป็นกรดฮิวมิกชนิดโมเลกุลเล็ก ซึ่งละลายได้ในน้ำ สามารถผลิตขึ้นจากการหมักไข่ไก่ กับกากน้ำตาล น้ำตาลทรายแดงและน้ำผึ้ง ด้วย จุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส และ ยีสต์ จาก ยาคูลท์ และ ลูกแป้งข้าวหมาก
สำหรับการทำฮอร์โมนไข่ ประกอบด้วย ไข่ไก่สดทั้งเปลือก ๕ กก. น้ำผึ้งแท้ หรือ ผึ้งเลี้ยง ๕ กก. ยาคูลท์ ๑ ขวดและ
ลูกแป้งข้าวหมากบดละเอียด ๑ ก้อน สูตรเล็กไข่ ๑ กก. น้ำผึ้ง ๑ กก. ยาคูลท์ ๑ ขวด แป้งข้าวหมากบดละเอียด ๑/๔ ลูก
วิธีทำ ล้าง ไข่ให้สะอาดผึ่งลมให้แห้ง ห้ามใช้ผ้าเช็ด ตอกไข่ลงโหลแก้วหรือกระติกน้ำแข็งพลาสติกที่จะใช้สำหรับหมัก ซึ่งชั่ง น้ำผึ้ง ใส่ลงไปก่อนแล้ว นำเปลือกไข่ ไปตำให้ละเอียด แล้วใส่รวมลงไป ใส่ ยาคูลท์ ลงไป บี้ลูกแป้งข้าวหมากให้ละเอียด ใส่ลงไป คนให้เข้ากันใช้ผ้าขาวบางปิดทับ ก่อนปิดฝา เก็บไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทสะดวก จากนั้น คน เช้า-เย็น ทุกวัน จนครบ ๑ เดือน กรองเอากากออก แบ่งใส่ขวดปิดฝาสนิทเก็บในตู้เย็นช่องแช่ผัก เน้นความสะอาดในทุกขั้นตอน
กรณีทำปริมาณน้อย ไข่ กับ น้ำผึ้ง ลดลงได้ แต่ไข่กับน้ำผึ้ง ต้องเท่ากัน เช่นไข่ ๒ กก.ต้องใช้น้ำผึ้ง ๒ กก.ด้วย ส่วนยาคูลท์ และลูกแป้งข้าวหมากไม่ต้องลด ไม่ควรใช้นมเปรี้ยวอื่นแทนยาคูลท์และลูกแป้งเหล้าแทนลูกแป้งข้าวหมาก
วิธีใช้ รับประทาน ๑ ช้อนชา หลังอาหารเช้า และ ก่อนนอน ผสม ๒-๓ หยด กับ น้ำ ๑ ช้อนชา ใช้ทาภายนอก
การคนไข่เพื่อต้องการให้เปลือกไข่อยู่ที่ก้นภาชนะที่ใช้ในการหมักลอยตัวขึ้น โดย แคลเซียม คาร์บอเนต ในเปลือกไข่จะทำปฏิกิริยากับกรด ลดความเป็นกรดให้จุลินทรีย์ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ฮอร์โมนไข่ที่มีคุณภาพดีรสจะต้องไม่เปรี้ยวและยังให้ธาตุแคลเซียมไว้บำรุง กระดูกและฟัน อีกด้วย
การคนแต่ละครั้ง ย่อมมีฮอร์โมนไข่ ติดอุปกรณ์ที่ใช้ในการคน ให้ลองชิมดูว่า หมดความคาวหรือยัง ถ้าคาวหมดก่อน ๓๐ วัน ให้คนจนครบ ๓๐ วัน แต่ถ้าครบ ๓๐ วันแล้วยังคาว ให้เพิ่มวันคนต่อไปจนกว่าจะหมดคาว ความหวานที่เหลือยู่ของน้ำผึ้งไม่ใช่ปัญหา ควรใช้ลูกแป้งข้าวหมาก ที่ทำใหม่ๆ เนื้อแป้งสีขาวล้วน ถ้าเหลืองคล้ำแล้ว ไม่ควรใช้ มั่นเช็ดบริเวณที่ว่างภาชนะและปากภาชนะหลังคนเสร็จทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อรา ( www.Jamrat.net ) ๐๘-๒๗๙๖-๙๕๒๗
|
1 ก.ค. 2556 เวลา 22:47 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
|
10 ม.ค. 2556 เวลา 9:05 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
|
8 เม.ย. 2555 เวลา 8:46 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
เอดส์
เอดส์
“สร้างภูมิคุ้มกันด้วยฮอร์โมนไข่”
จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
เอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome : AIDS) เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ติดเชื้อมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส และการเกิดเนื้องอกบางชนิด เอดส์ติดต่อผ่านทางการสัมผัสของเยื่อเมือก หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งซึ่งมีเชื้อ เช่น เลือด น้ำอสุจิ นมมารดา ฯลฯ
จากรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อที่มีอาการในประเทศไทยล่าสุด (๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) สำนักระบาดวิทยา รายงานว่ามีจำนวนผู้ป่วยเอดส์ ทั้งสิ้น จำนวน ๓๗๖,๖๙๐ราย (จำแนกเป็นเพศชายจำนวน ๒๕๖,๕๗๑ ราย และเพศหญิงจำนวน ๑๒๐,๑๑๙ราย) เสียชีวิตแล้ว จำนวน ๙๘,๗๒๑ราย แนวโน้มของผู้ป่วยเอดส์ และผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ลดลงกว่าในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากการรักษาผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงทำให้มีผู้ป่วยเอดส์และผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ลดลงกว่าอดีต
แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อเอดส์อีกจำนวนมาก ที่ต้องทนทุกข์กับสภาพร่างกายและจิตใจที่แสนจะปวดร้าว ร่างกายที่เชื้อร้ายคอยบั่นทอนแทบทุกเสี้ยววินาที และสภาพจิตใจที่กลัวสังคมจะรังเกียจ เหมือนตกนรกทั้งเป็น จะด้วยสาเหตุติดเชื้อร้ายจากสามี จากภรรยา หรือจากสังคมเลวร้ายที่มอบให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากปัญหานี้ผมและอาจารย์พัฒน์ สันทัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรได้พูดคุยกันขณะขับรถไปเยี่ยมลูกศิษย์ลูกหาในพื้นที่ต่างจังหวัด ผมขับรถส่วนอาจารย์พัฒน์นั่งข้างๆ การเดินทางแต่ละครั้งจะใช้เวลานั่งในรถนานไม่ต่ำกว่า๓-๔ ชั่วโมง ทำให้ผมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับอาจารย์พัฒน์ สันทัด ในหลายเรื่องนอกเหนือจากเรื่องการเกษตร
อาจารย์พัฒน์ สันทัด เป็นข้าราชการบำนาญ การศึกษานอกโรงเรียนกระทรวงศึกษาธิการ อาจารย์ได้ศึกษาอบรมด้านการเกษตรจากหลายหน่วยงานจนชำนาญเช่นองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO) นอกจากนั้นท่านยังศึกษาธรรมะเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( พระมหาวีระ ถาวโร) หรือที่เรารู้จักกันในนามหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ด้วยสายเลือดของความเป็นครูเวลาเดินทางไปสอนการเกษตรที่ไหนอาจารย์จะสอดแทรกด้านธรรมะสอนใจควบคู่เข้าไปด้วยทำให้ลูกศิษย์อาจารย์ นอกจากเก่งด้านการเกษตรแล้วยังมีคุณธรรมติดตัวไปด้วย
อ.พัฒน์เล่าให้ผมฟังว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยแนะนำเอาไว้เกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ ด้วยการอบความร้อนด้วยใบยาสูบถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ก็จำฝังใจไม่เคยลืม
“ ให้หากระโจมหรือ ตู้อบ ถ้าไม่มีก็เอาสุ่มไก่แทนก็ได้ใช้ขนาดใหญ่หน่อยนั่งสบาย เอาผ้าคลุมเอาไว้ ให้โผล่หัวออกมาตรงกลางสุ่มไก่ ภายในก็ใช้เตาตั้งไว้จุดเชื้อไฟจากเศษไม้เล็กๆหรือกาบมะพร้าวแล้วโปรยยาสูบลงไป พระคุณเจ้าท่านว่ายาสูบเป็นยาเย็น ใส่ยาสูบพอประมาณสักกำมือหนึ่ง จะมีควันคลุ้งเต็มไปหมด ควันยาสูบจะช่วยฆ่าเชื้อ HIV ( เอดส์ ) ที่ผิวหนังได้ดี ควรทำทุกวัน วันละประมาณ ๑๐ นาที เหงื่อจะไหลออกมาทางผิวหนังเป็นการล้างพิษไปในตัว”
นอกเหนือจากเรื่องที่หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังแล้ว อ.พัฒน์บอกว่าเมื่อปี ๒๕๔๘ มีเรื่องโชคดีเกิดขึ้น เมื่อ อ.พัฒน์ นำฮอร์โมนไข่เพื่อพืช ซึ่งเป็นสูตรของอ.สุวัฒน์ ทรัพยะประภา นำมาสอนให้ลูกศิษย์โรงเรียนชาวนาศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย สอนและสาธิตวิธีทำหลังจากนั้นก็แจกให้ลูกศิษย์นำไปทดลองใช้
อ.พัฒน์บอกว่าไม่นึกเลยว่าจะมีนักวิจัยชาวนาอย่างคุณสมเดช กองเป็ง ชาวนาตำบลห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่มาเรียนแล้วแทนที่จะเอาฮอร์โมนไข่ไปใช้กับพืช กลับนำไปใช้ทดลองกับเป็ด โดยใช้ฮอร์โมนไข่
๒-๓ ช้อนแกง คลุกอาหารเป็ด ๑๐ ลิตร เป็ดกินแล้วเป็ดแข็งแรง ผสมน้ำให้วัวกินอัตราเดียวกัน วัวแข็งแรงตั้งแต่ให้วัวกินผลปรากฏว่าวัวจะกลับบ้านเองไม่ต้องต้อน เพราะวัวติดใจรีบกลับมาบ้านกินฮอร์โมนไข่นั่นเอง
เป็ดกินได้ วัวกินดี คนก็น่าจะกินได้ คุณสมเดช คิดเอาเอง แบบนักวิจัย จึงได้ตักฮอร์โมนไข่ที่ทำจากไข่ไก่ ๕ กก. กากน้ำตาล ๕ กก. ยาคูลท์ ๑ ขวด และแป้งข้าวหมาก ๑ ก้อน ผสมน้ำใบเตย ๑ ลิตร ใส่ขวดแช่ตู้เย็น ดื่มเช้า ก่อนแปรงฟัน ๑ แก้ว ไม่นานเพียง ๒-๓ อาทิตย์ คุณสมเดช รู้สึกสดชื่นแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่เช่น โรคสะเก็ดเงินและโรคอื่นๆหายไป ระยะหลังไม่ได้ไปหาหมอที่สถานีอนามัยแล้ว
หลังจากนั้นจึงนำมารายงานในห้องเรียนให้อาจารย์พัฒน์และเพื่อนๆได้ทราบและทดลองขยายผลในการกินกันมากขึ้น บางคนเป็นแผลไหม้เหมือนไฟลามทุ่ง กินฮอร์โมนไข่ก็อาการดีขึ้น เป็นเหตุให้คุณสุกัญญา เจริญพร ผู้ก่อตั้งโรงเรียนชาวนาอาณาจักรโยนก ล้านนา บ้านป่าสักน้อย ตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้ทดลองให้คุณบุญมา บ้านอยู่ใกล้กันซึ่งได้รับเชื้อเอดส์จากสามี และสามีเพิ่งเสียชีวิตไป ลองกินดู โดยกินวันละ ๑ ช้อนแกงแล้วดื่มน้ำตามมากๆ และอบสมุนไพรยาสูบวันละครั้ง ประมาณ ๑๐ นาที เพียงเดือนเดียว เธอรู้สึกว่ามาถูกทางแล้ว จึงปฎิบัติต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่กี่เดือน CD 4 ( ซีดีโฟ ) เม็ดเลือดขาวมีระดับเพิ่มขึ้น จากไม่ถึงร้อย ขึ้นมาเป็นพัน เธอจึงหยุดกินยาต้านเชื้อที่เคยกินไปเลย หันมากินฮอร์โมนไข่อย่างเดียว
ต่อมาปี ๒๕๕๒ โรงพยาบาลเชียงแสน ได้จำหน่ายเธอออกจากผู้ป่วยเอดส์ ไม่ได้รับเงิน ๕๐๐ บาท/เดือน แต่เนื่องจากสามีเธอเสียชีวิตจากเชื้อเอดส์ เธอจึงยังคงมีสิทธิ์รับเงินเดือน ๕๐๐ บาทต่อไป
อีกรายช่วงเดือน กรกฏาคม-พฤศจิกายน ปี ๒๕๕๓ คุณสายใจ ฮวดกระโทก ได้ประสานให้อ.พัฒน์ สันทัด ไปเปิดสอนโรงเรียนชาวนาที่สำนักภู่ศิริ วิมุติสุข หมู่ ๘ บ้านคลองแสลงใหม่ ตำบลบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก สนับสนุนโดยพระอาจารย์วุฒินันท์ จักกวโร ในการสอนครั้งนั้นมีสามีภรรยาคู่หนึ่งชื่อคุณสมใจและคุณสำอางค์ อยู่ที่อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เดินทางมาเรียนด้วยจากจำนวนนักเรียนทั้งหมด ๘๕ คน ทั้งคู่ติดเชื้อ HIV ( เอดส์ ) สนใจวิธีทำฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพไว้รับประทาน ครั้งแรกๆก็ซื้อของเพื่อนๆมากินก่อน พอกินได้ ๗ วัน และอบสมุนไพรยาสูบได้ ๓ วันแล้ว ถึงเวลาแพทย์นัด ผลตรวจออกมา ไม่พบเชื้อ HIV ( เอดส์ ) ทั้ง ๒ คน สร้างความประหลาดใจแก่แพทย์ผู้ตรวจเป็นอย่างมาก
สองสามีภรรยาดีใจมากได้โทรศัพท์รายงานให้ อ.พัฒน์ สันทัดได้ทราบเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๓ และหลังจากนั้นเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ คุณสมใจ คุณสำอางค์และครอบครัวได้เดินทางมาเยี่ยมอาจารย์พัฒน์ ด้วยสำนึกในพระคุณที่นำเรื่องฮอร์โมนไข่มาเผยแพร่ ทำให้เขาและสามีรอดพ้นจากโรคร้าย
นี่แหละครับคนเราไม่ถึงที่ตายไม่วายชีวาวาตโบราณว่าไว้
เคล็ดลับอีกอย่างที่ อ.พัฒน์แนะนำผมคือ ให้เอาฮอร์โมนไข่ทาหน้าทุกวัน จะทำให้ผิวหน้าเนียนเรียบไม่มีสิวฝ้าวิธีการทำก็คือล้างหน้าให้สะอาดแล้วทาฮอร์โมนไข่บางๆขณะที่หน้ายังเปียกอยู่ จะทำให้ฮอร์โมนไข่ซึมลงผิวหน้าได้ดีขึ้นและแห้งไปเอง โดยไม่เหนียวเหนอะหนะวิธีนี้อาจารย์ทำทุกวัน
สำหรับการทำฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพนั้นคิดว่าหลายคนคงอยากทราบว่าทำอย่างไร ผมถือโอกาสแนะนำเป็นวิทยาทานวัสดุที่ต้องเตรียมมี ไข่ไก่สดๆทั้งเปลือกปั่นละเอียด ๑ กิโลกรัม น้ำผึ้งแท้หรือน้ำผึ้งเลี้ยง ๑ ขวดโขง ( ๑ กิโลกรัม) นมเปรี้ยวยาคูลท์ ๑ ขวด แป้งข้าวหมาก (ห้ามใช้แป้งเหล้า) ๑ ก้อนแบ่งออกเป็น ๔ ส่วน ใช้เพียง
๑ ส่วน ถ้าต้องการมากก็เพิ่มตามอัตราส่วน
วิธีทำ นำไข่ไก่สดมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาดที่สุด จากนั้นนำมาปั่นละเอียดแล้วเทลงกระติก หรือโหล เทน้ำผึ้งลงไป ๑ ขวด หนักประมาณ ๑ กิโลกรัม เทนมเปรี้ยวยาคูลท์ลงไป และท้ายสุดใส่แป้งข้าวหมาก ( ๑ ใน ๔ ส่วน) จาก ๑ ก้อนตามลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน แล้วปิดฝาให้พอแน่น หมั่นคนทุกวันเช้า-เย็น หมักไว้
๑ เดือนเก็บไว้ในร่มอุณหภูมิห้อง หลังจากนั้นพอครบ ๑ เดือนแล้วให้กรองเอาแต่น้ำข้นๆ เทใส่ขวดปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ในตู้เย็น สามารถเก็บไว้ได้นานถึง ๑๐ เดือน
วิธีรับประทาน คือ ผู้รับประทานครั้งแรก ควรทานครึ่งช้อนชา และต่อไปครั้งละ ๑ ช้อนชา วันละครั้ง หลังอาหาร หรือผสมน้ำสมุนไพรอุ่นๆ เช่นน้ำขิง น้ำชา กาแฟ (ไม่ร้อนจัด) ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ให้รับประทานตอนเช้า
๑ ช้อนโต๊ะ (ก่อนล้างหน้าแปรงฟัน) ตามด้วยน้ำอุ่น๑-๕ แก้ว
ประโยชน์ เป็นอาหารเสริม ไม่ใช่ยา ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันสร้างเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง รับประทานอย่างต่อเนื่อง บำรุงเซลล์ในร่างกาย ทำให้ร่างแข็งแรงไม่อ่อนแอต่อโรค ไม่เป็นโรคภูมิแพ้ ปรับความดันโลหิตให้เป็นปรกติ รักษาโรคกระเพาะอาหาร โรคริดสีดวง ชาตามมือและเท้า ปัสสาวะบ่อย
อาการปวดเมื่อยต่างๆ โรคเบาหวาน โรคเก๊าท์ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคมะเร็ง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศปรับระดับการทำงานของตับและโรคอ้วน

หากใครใจร้อน อ่านแล้วอยากทำกินเอง ไม่มีแป้งข้าวหมาก สงสัยเพิ่มเติม ติดต่อ อ.พัฒน์ สันทัด เพิ่มเติมได้ที่ ๐๘-๖๐๙๔-๙๖๒๗ E-mail:phat.santad@gmail.com หรือดูทางเน็ต เข้า Google
พิมพ์โรงเรียนชาวนาทางอากาศ
ขอบคุณ อ.สุวัฒน์ ทรัพยะประภา ๐๘-๑๘๖๐-๖๙๙๑ คุณสุกัญญา เจริญพร ๐๘-๑๕๙๕-๖๙๗๓
หากต้องการทราบข้อมูล/ประสบการณ์ผู้ป่วยกับการใช้สมุนไพรบำบัดโรคทุกเรื่อง...
ดูทางเน็ต..เข้า Google พิมพ์ จำรัส เซ็นนิล
-------------------------------------------------------------------------
|
9 มิ.ย. 2554 เวลา 9:24 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
ฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพ
ต้นตำรับฮอร์โมนไข่
-
กรกฏาคม ๒๕๔๘ อ.สุวัฒน์ ทรัพยะประภา นักวิจัย นักวิชาการเกษตรอิสระ ผู้นำสูตรฮอร์โมนไข่มาเผยแพร่ให้กับเกษตรกร จนโด่งดัง ได้เชิญ อ.พัฒน์ สันทัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร มาเป็นวิทยากรให้กับเกษตรกรที่โรงเรียนชาวนาศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในครั้งนั้นได้มีการสาธิตการผลิตฮอร์โมนไข่สำหรับพืช ซึ่งมีไข่ไก่ ๕ ก.ก. กากน้ำตาล ๕ ก.ก. ยาคูลท์ ๑ ขวด และแป้งข้าวหมาก ๑ ก้อน หลังจากนั้นได้แบ่งฮอร์โมนไข่แจกให้ผู้เรียนไปทดลองรดต้นไม้
แต่เกิดเรื่องเกินคาดคิด คือนายสมเดช กองเป็ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์อยู่ที่ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงรายได้ลองนำฮอร์โมนไข่ไปเลี้ยงเป็ด เป็ดก็แข็งแรง ไข่ดก พอเอาไปผสมน้ำให้วัวกิน วัวก็แข็งแรง โตเร็ว กลับเข้าคอกเองเป็นเวลา เพราะอยากกินฮอร์โมนไข่ นายสมเดช กองเป็ง จึงคิดว่าคนต้องกินได้จึงลองกินบ้าง ประมาณปลายเดือนกันยายน ๒๕๔๘ ร่างกายเปลี่ยนไป หายโรคหายภัย แข็งแรงมาก จึงเป็นปฐมเหตุเป็นคนแรกที่มีคุณูปการต่อคนไทยทั้งประเทศและชาวโลก
อ.พัฒน์ สันทัด ได้ทดลองกินฮอร์โมนไข่บ้าง กินได้ประมาณ ๒-๓ เดือน อาการของโรคกระดูกคอเสื่อมที่มีมานานเริ่มดีขึ้น อีกปีถัดมารู้สึกว่าหายปวดคอและได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ อ.สุวัฒน์ ได้รับรู้ ท่านได้ลองกินดูบ้าง โดยได้เปลี่ยนสูตรที่ใช้กากน้ำตาลเปลี่ยนเป็นใช้น้ำผึ้งแทน ผลปรากฏว่ารสชาติอร่อยกินแล้วแข็งแรงดี ขับรถจากกรุงเทพฯถึงจังหวัดน่านโดยไม่เหนื่อยไม่เพลียเหมือนแต่ก่อนและได้กินฮอร์โมนไข่ตลอดมา
ผลการวิจัย
จากผลการวิเคราะห์ในห้องปฎิบัติการหลายแห่ง พบว่าในฮอร์โมนไข่มีธาตุไนโตรเจน ๑.๔๘ ธาตุฟอสฟอรัส ๐.๒๓ ธาตุโปตัสเซียม ๑.๘๒ แคลเซียม ๐.๗๓ แมกนีเซียม ๐.๑๕ ธาตุเหล็ก ๐.๐๗๓ ธาตุแมงกานีส ๐.๐๐๑ ธาตุสังกะสี ๐.๐๐๒๕ ธาตุคลอลีน ๐.๓๖ ธาตุกำมะถัน ๐.๒๐ ธาตุโบรอน ๐.๐๐๑ อัตราคาร์บอน / ไนโตรเจนอยู่ที่ ๑๐:๑ ค่าการนำไฟฟ้าอยู่ที่ ๖.๓๔
ค่าความเป็นกรด เป็นด่างอยู่ที่ ๔.๕ ค่อนข้างไปทางกรดอ่อนๆจึงมีความเปรี้ยวนิดหน่อย คืออมเปรี้ยว อมหวาน แม้บางครั้งเปรี้ยวนำหวานตามอาจเป็นเพราะวัสดุที่ใช้หมัก เช่นน้ำผึ้งมีน้ำปนมากไปหน่อย หรือเวลาล้างไข่ แช่ไข่ในน้ำนานเกินไป น้ำซึมเข้าไปในเปลือกไข่มากไปก็เป็นได้ กรดที่พบมีหลายชนิดเช่น กรดเบนโซอิค กรดฮิวมิค กรดเฮกซ่าเคคาโนอิค และกรดอ็อคต้าเคคาโนอิค
จากการทดลองกินฮอร์โมนไข่มานานถึง ๕ ปี ( ๒๕๔๘-๒๕๕๔) อ.พัฒน์ สันทัดมีสุขภาพดีขึ้นมาก กระดูกคอเคยเสื่อมก็หาย อาการชามือ ชาเท้า ปวดกระดูกนอนไม่ได้ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ผู้ที่มาร่วมทดลองกินจนถึงทุกวันนี้นับหมื่นนับแสนทั่วประเทศต่างตอบรับว่าหลังกินแล้วสุขภาพดีขึ้นแทบทุกคน
สรุปได้ว่าฮอร์โมนไข่ช่วยซ่อมแซม ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ภูมิต้านทานดี อาการภูมิแพ้ หืดหอบและเอดส์ดีขึ้นมากบางรายก็หายจากโรคดังกล่าวอย่างเหลือเชื่อ
อ.พัฒน์บอกว่าฮอร์โมนไข่สามารถกินร่วมกับยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพรได้ อีกทั้งยังทำให้ผิวพรรณสดใสดูอ่อนกว่าวัย ถ้าทาหน้า จำทำให้หน้าดูสดใส เพราะเป็นเสมือนฟิล์มบางๆเคลือบใบหน้าไว้ป้องกันลม แสงแดด ได้ป็นอย่างดี
โดยเฉพาะกระดูกเสื่อม กระดูกผุจะฟืนตัวรวดเร็วมาก เนืองจากฮอร์โมนไข่เป็นกรดอ่อนๆจึงช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้ดีเช่นกัน ส่วนใหญ่ช่วยลดความอ้วนลดเซลลูไลท์ได้มาก ยกเว้นคนที่กินฮอร์โมนไข่มากเกินไป
ส่วนผู้ที่ตองการลดน้ำหนักควรกินฮอร์โมนไข่วันละครั้งก่อนล้างหน้าแปรงฟันหลังตื่นนอนตอนเช้าเพียง ๒-๓ หยดและดื่มน้ำตาม ๕ แก้วคือค่อยๆดื่ม ๕ แก้วประมาณ ๑ ลิตรภายในเวลา ๑๐-๒๐ นาที ผู้ที่กลัวอ้วนหรืออยากจะลดความอ้วน อาจจะกินฮอร์โมนไข่ร่วมกับน้ำมันมะพร้าวหีบเย็นภายใน ๓ เดือน ลดน้ำหนักได้ถึง ๑๐ กิโลกรัม
กรณีคุณสุกัญญา เจริญพร ( ๐๘-๑๕๙๕-๖๙๗๓) โรงเรียนชาวนาบ้านป่าสักน้อย อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายได้นำไปปฎิบัติก็สามารถลดความอ้วนได้ผลดีคุณสุกัญญาบอว่าลดน้ำหนักแบบนี้ไม่เพลียและผิวพรรณก็ดีขึ้นด้วย
อีกคนคือคุณปานทิพย์ ด่านส่งเสบียง ( ๐๘-๔๗๘๙-๒๖๔๗) โรงเรียนชาวนาบ้านนาคำไฮ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู และคุณทองสุข คุณพิม์ธรรม เผ่าโสภา บ้านเนินดิน ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ก็กินฮอร์โมนไข่ ทุกวันทำให้ร่างกายแข็งแรง ท่านผู้อ่านเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ Google แล้วพิมพ์”โรงเรียนชาวนานครนายก” หรือพิมพ์ www.Yonokfarmerfieldschool.Com
อ.พัฒน์ สันทัด จะเดินสายไปอบรมให้คำแนะนำกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศให้ใส่ใจในสุขภาพโดยการทำฮอร์โมนไข่กินเอง เหมือนกินอาหารจานหนึ่ง ควรกินทุกวัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน เพียงลงทุนซื้อไข่ไก่ ๑ กิโลกรัม น้ำตาลทรายหรือน้ำผึ้ง ๑ กิโลกรัม ยา๕ลท์ ๑ ขวด แป้งข้าวหมาก ๑/๔ ก้อน ปั่นให้ละเอียดทั้งเปลือกไข่ หมัก ๑ เดือน คนเช้า-เย็น ครบ ๑ เดือน กรองเอาเปลือกออกนำมากินได้ กินฮอร์โมนไข่ก่อนล้างหน้าแปรงฟันครึ่งช้อนชา แล้วดื่มน้ำตาม ๑ แก้วทุกวัน
ต่อมลูกหมากโต
ลุงดวงแสง อยู่ตำบลโยนก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต มาหลายปีกินยาเป็นกำๆ แต่พอมากินฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพเพียง ๓-๔ เดือน อาการดีขึ้นมากเรียกได้ว่าปกติ
ถุงลมโป่งพอง
นายแพทย์สุกฤต ทองประเสริฐ เคยเป็นแพทย์ที่ประเทศเยอรมัน และโรงพยาบาลศิรราช เปิดคลินิกอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นโรคถุงลมโป่งพอง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย จนกระทั่งมารู้จักกับ อ.พัฒน์ ท่านแนะนำให้กินฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพ กินได้เพียงสัปดาห์เดียว ก็รู้สึกดีขึ้น กินข้าวได้ ขับรถได้ ใครใจร้อนอยากกินฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพหรือข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
-
อ.พัฒน์ สันทัด ตู้ ปณ.๙๕ ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ๗๓๐๐๐ โทร. ๐๘-๖๐๙๔-๙๖๒๗
-
อ.สุวัฒน์ ทรัพยะประภา ตู้ ปณ. ๑๐๖ แขวง/เขตหนองแขม กทม.๑๐๑๖๐ โทร.๐-๒๘๐๗-๖๕๓๙
-
คุณสุกัญญา เจริญพร โรงเรียนชาวนาอาณาจักรโยนกล้านนา ตู้ปณ.๙ จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ๕๗๒๗๐ โทร.๐๘-๑๕๙๕-๖๙๗๓
-
อ.พรรณพิมล ปันคำ โรงเรียนชาวนาเกษตรยั่งยืน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ๐๘-๑๐๒๕-๕๕๙๘
--------------------------------------------------------
|