11 ก.ค. 2554 เวลา 10:11 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
ว่านฟอกอากาศ
ว่านมหัศจรรย์ดูดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ – คายออกซิเจน
จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
เมื่อวันอังคารที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ ผมได้รับเชิญจากคุณสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ไปร่วมงานแถลงข่าวการจัดงานวิวาห์ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก ตลาดเก่า ๑๔๐ ปี ที่คลองลัดพลี อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ระหว่างทางได้แวะรับประทานอาหารข้างทางและรายงานสดเข้ารายการช่วงเวลา ๑๓.๐๐น. ช่วงนั้นมีรถปิกอัพคันหนึ่งแวะเข้ามาจอด ท้ายกะบะบรรทุกว่านงาช้างมาด้วย ผมจึงเดินเข้าไปสัมภาษณ์สดๆ
ผู้หญิงที่เดินลงมาก่อนชื่อคุณกัลยา ส่วนโชเฟอร์คือคุณวิบูลย์ ศิริอรุณรัตน์ สองสามีภรรยา มาจาก หมู่ ๑๐ ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม แวะมารับประทานอาหารก่อนเดินทางต่อไปส่งว่านงาช้างให้กับลูกค้า คุณวิบูลย์เล่าให้ฟังว่า เป็นว่านมหัศจรรย์ สามารถดูดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์และคายออกซิเยนในเวลาเดียวกัน
“ ส่วนใหญ่เขาจะสั่งซื้อเป็นจำนวนมากๆเอาไปถักคล้ายๆเปียผมแล้วใส่กระถางสวยๆตั้งบนโต๊ะ เพื่อความสวยงามและฟอกอากาศ และถือเป็นไม้มงคลอีกด้วย บางคนก็เอาไปหั่นๆแล้วต้มกินแก้โรคไต สำหรับผู้หญิงที่ปวดประเดือน หรือหลังคลอดดองกับเหล้าขาวกินก็จะขับน้ำคาวปลา ขับเลือดลมได้ผลดี” คุณวิบูลย์เล่าให้ฟังเมื่อเห็นผมสนใจ
ส่วนคุณกัลยา ภรรยาก็เล่าให้ฟังว่า หมอพื้นบ้านเขาจะใช้ต้นตำโขลกหรือหั่นเป็นแว่นๆผสมกับเหล้าขาวกินแก้เลือดตีขึ้นใน บำรุงโลหิต รักษาโรคบาดทะยักปากมดลูกในเรือนไฟ จะดองกับเหล้าหรือต้มกินก็ได้ ผู้ที่ใบหน้าเป็นสิวเป็นฝ้าหน้าตกกระ จะช่วยฟอกเลือดเลือดให้ใบหน้าหายจากสิวฝ้าทำให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ผิวพรรณผุดผ่อง อีกทั้งเป็นยาสำหรับสตรีกินหลังคลอดบุตร ช่วยขับโลหิตเสีย โลหิตเป็นพิษ ปลูกไว้หน้าบ้านเป็นศิริมงคล
นอกจากนั้นน้ำคั้นจากรากงาช้างใช้เป็นยาเบื่อพยาธิ์ และรักษาโรคริดสีดวงงอกได้ดีมากชาวมาลายูนิยมตัดเอาปลายงาไปอังไฟก่อนแล้วบีบคั้นเอาน้ำไว้หยอดหู แก้ปวดในหู พวกซูลูในอาฟริกา ก็นิยมใช้แบบนี้ ส่วนในประเทศอินโดนิเซียใช้บีบคั้นเอาน้ำจากต้นงาช้างไปทาผมเป็นยาบำรุงรักษารากผมทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม
ว่านงาช้าง เป็นว่านที่ไม่มีใบเหมือนว่านอื่นๆ ว่านงาช้างจะโผล่ขึ้นมาจากดินดูเหมือนงาช้างแทงดินขึ้นมา และหน่อทุกหน่อก็แทงขึ้นเหมือนกัน ไม่มีกิ่งก้านสาขาแต่อย่างใด มีสองชนิดคือ งาช้างเขียวหรือ หอกสุรกาฬ กับสีเขียวแต่มีลายดำๆคล้ายกับว่านหางนาค เรียกว่าว่านงาช้างลายหรือหอกสุรโกฬ ว่านงาช้างขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ และจะให้ดอกในกลางฤดูหนาว ดอกมีกลิ่นหอมเย็นคล้ายวาสนาผสมดอกราตรีสีชมพู จะหอมในเวลากลางคืน
ว่านงาช้างเป็นพืชที่สามารถผลิตก๊าชออกซิเจนและคายออกมาได้ปริมานมากๆขณะเดียวกันก็ดูดซับเอาคาบอนไดอ๊อกไซด์ไว้ในตัวด้วย บางคนมีความเชื่อว่าว่านงาช้างมีสรรพคุณอยู่ยงคงกระพันยิงฟันไม่เข้า
ว่านงาช้าง
มีเรื่องเล่าว่ามีคนจะปลูกบ้านใหม่ต้องมีการถมที่ และได้ถมต้นว่านงาช้างไปด้วยดินที่ถมหนาประมาณ ๑ เมตร ถมไปประมาณ ๓ ปีผลปรากฏว่าต้นว่านงาช้างสามารถแทงยอดขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ว่าว่านงาช้างทนอยู่ใต้ดินได้อย่างไรถึง ๓ ปี ไม่ตาย นับเป็นต้นว่านที่อึดมากในบรรดาว่านทั้งหลาย ทนร่ม ทนแดด ทนแล้ง ทนน้ำท่วม เรียกว่าสุดๆจริง ต้องรีบหามาปลูกนะครับ ราคาขายต้นใหญ่ๆเท่าที่ทราบก้านละประมาณ ๖๐- ๑๐๐ บาท ราคาต้นกล้าอยู่ที่ประมาณ ๒-๕ บาท มีทั้งพันธุ์ใหญ่พันธุ์เล็กราคาต้นกล้าเท่ากัน ส่วนใหญ่จะปลูกกันมากแถบจังหวัดนครปฐมและปราจีนบุรี
ที่ด่านสิงขร ประจวบคีรีขันธ์ จำหน่ายลำละ ๑๒๐ บาท ที่ปราจีนบุรีมีต้นกล้าจำหน่าย และรับซื้อติดต่อ โทร. ๐๘-๑๔๘๑-๙๒๒๘ ส่วนที่อำเภอพิมาย จ.นครราชสีมา มีคนปลูกไว้ขาย ติดต่อที่ ๐๘-๕๘๗๖-๗๕๑๑
ว่านงาช้าง มีสรรพคุณมากมายจนมีคนแต่งเป็นกลอนไว้ อย่างน่าสนใจ เสียดายไม่ทราบชื่อผู้แต่ง
ชื่อว่านงาช้าง เอ่ยอ้างตำรา คุณมากหนักหนา ทางสมุนไพร
ขับเลือดหลังคลอด หญิงรอดชีวิต โลหิตเป็นพิษ แน่แท้แก้ได้
กันบาดทะยัก ประจักษ์ความจริง ปากมดลูกหญิง อยู่ในเรือนไฟ
ใช้แก้สิวฝ้า ใบหน้าตกกระ งาช้างชำระ ใบหน้ายองใย
คุณว่านงาช้าง อีกอย่างใช้กัน ทางคงกระพัน ยิงฟันไม่ระคาย
-------------------------------------------------------------------------------------------------